e-commerce trend 2019

“ทางอเมริกาเหนือมีสถิติที่น่าสนใจของการขับเคลื่อนทางมือถือในการทำธุรกรรมด้าน eCommerce  มีการเติบโตถึง 16% ในปี 2018 มูลค่ามากกว่า 5 แสนล้านดอลล่าร์”

ใกล้หมดปี 2018 แล้ว มีร้านค้าออนไลน์ที่ต้องปรับตัวในคุณลักษณะใดบ้างเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ปี 2019 หลัก 3 ข้อที่ต้องปรับตัวของร้านค้าออนไลน์เพื่อเข้าสู่ยุค E-Commerce มีอะไรบ้าง

  1. ร้านอีคอมเมิร์ชควรสัมผัสลึกได้ด้วยตา โดยใช้ภาพ

“ภาพ” คือวิธีที่ดีที่สุดในการนำเสนอสินค้า ดังนั้น คนที่คิดจะซื้อต้องสามารถมองลึกไปในทุกรายละเอียด เพื่อให้เขาได้ตัดสินใจซื้อได้ โดยไม่ผิดหวังในภายหลัง

อุปสรรคคือ พวกเขามักไม่แน่ใจว่า ภาพกับของจริง ๆ ที่จะได้จะเหมือนกันไหม โดยเฉพาะในหมวดสินค้าระดับหรู เนื่องจากพวกเขาไม่ได้สัมผัสสินค้านั้น การนำเสนอด้วยภาพที่มีคุณภาพสูงในมุมมองต่าง ๆ ให้มากที่สุดเท่านั้นที่จะเอาชนะความลังเลได้ ดังนั้นการโพสต์ภาพให้ดูน่าเชื่อถือ และละเอียดชัดๆจึงจำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นร้านค้าออนไลน์ของคุณ ควรปรับในเรื่องการแสดงภาพดังนี้

1. ทำให้ภาพซูมได้และแน่ใจว่าใช้ภาพคุณภาพสูงพอในการขยายได้ โดยที่ไม่เสียเวลาในการดาวน์โหลดนาน (หากโหลดนานจะส่งผลให้อัตราการคลิกลดลงถึง 39%)

2. ผู้ขายควรใช้วิดีโอสาธิต หรือ demo video เพื่อโชว์สินค้า ซึ่ง 52% ของคนที่ได้เห็น บอกว่าวิดีโอช่วยให้พวกเขามั่นใจในการตัดสินใจซื้อมากขึ้น เพราะดูสมจริงเหมือนลองจริง

3. ใช้ภาพ 3D หรือการสร้างภาพสามมิติ ยกตัวอย่างเช่น American Greetings ผู้สร้างสรรค์และผลิตสินค้าประเภทแสดงความยินดีหรือโอกาสต่าง ๆ ทางสังคม ได้นำภาพ 3D มานำเสนอแก่ผู้ชมเว็บไซต์ เพื่อแก้ปัญหาใหญ่ ๆ อย่างความวิบวับ ฟอยล์ ลายนูน หรือกิมมิคอื่น ๆ ของการ์ดอวยพร ซึ่งยากที่ชื่มชมและสัมผัสได้แบบลึกซึ้งด้วยภาพแบบ 2D

แค่นี้ การช้อปออนไลน์ที่ร้านคุณก็จะมีคนสนใจมากขึัน 

2.รู้ใจคนด้วย AI 

ทุกวันนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อนาคตของอีคอมเมิร์ซขึ้นอยู่กับ AI (artificial intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์) จาก 3D avatar ประจำตัวและที่ปรึกษาด้านแฟชันแบบเวอร์ชวล ที่โต้ตอบกับเราได้ ไปถึงการรวบรวมข้อมูลของ AI อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเพื่อเพิ่มยอดขาย AI ก็คือแนวหน้าในการปฏิวัติอีคอมเมิร์ซ

เนื่องจากการตัดสินใจในเรื่องธุรกิจต้องพึ่งพาข้อมูลมากขึ้นเรื่อย ๆ ความต้องการที่จะใช้เครื่องมือในการวัดก็สูงขึ้นด้วย อัตรา conversion rate ทราฟฟิกของเว็บไซต์ และระดับการมีส่วนร่วมหรือ engagement ของลูกค้าจึงสำคัญ เพื่อนำทางให้นักการตลาดในทุกอุตสาหกรรม ซึ่งบางคนอาจจะไม่เคยตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องข้อมูลที่ไม่มีอยู่ก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้สามารถหาได้แล้ว โดยสามารถติดตามวิถีของผู้ที่มีโอกาสจะเป็นลูกค้าว่าเขามีการโต้ตอบกับภาพของสินค้าที่ฝังอยู่ในเว็บไซต์ร้านอย่างไร ไม่ว่าจะเป็น ภาพ 2D หรือ 3D ก่อนประมวลผลมานำเสนอเป็น Heat Map หรือแผนที่ที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อนำมาใช้ตัดสินใจ เครื่องมือ AI จะทำให้สามารถเน้นจุดที่ลูกค้าสนใจและนำเสนอมุมที่ดีที่สุดสำหรับการวางตำแหน่งสินค้า

จากความช่วยเหลือของ AI ที่ทำให้ผู้ค้าสามารถติดตามสิ่งที่เขานำเสนอกับลูกค้าและดูสิ่งที่ลูกค้าสนใจได้โดนใจ ความคาดหวังของคนซื้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้คำว่า “จะซื้อเร็ว ๆ นี้” กลายเป็น “ซื้อเดี๋ยวนี้เลย” ในทันที

3.ให้ร้านค้า จากร้านค้าออนไลน์เป็นร้านค้าจริงและแตกต่างจากร้านอื่น

ดูตัวอย่าง Amazon กับ Alibaba ก็ยังทดสอบพลังแห่งการชอปของร้านค้าที่มีอยู่บนโลกจริง ไม่ใช่โลกเสมือน โดย Amazon ได้พลิกวิถีการช้อปแบบดั้งเดิมด้วยการใช้เวอร์ชวลมาทาบทับการขายบนร้านที่จับต้องได้

ส่วนเครือ Alibaba ก็เปิดตัวร้านต้นแบบ FasionAI นำเสนอวิธีการในการเลือกซื้อเสื้อผ้าด้วยความช่วยเหลือของ AI ร้านนำร่องนี้ให้บริการเฉพาะวันพฤหัสบดีถึงวันเสาร์ที่ Hong Kong Polytechnic University ซึ่งมีนวัตกรรมอย่าง “กระจกอัจฉริยะ” ที่แสดงข้อมูลของสินค้าที่ลูกค้าสนใจ เมื่อลูกค้านำสินค้านั้นมาลองหน้ากระจก พร้อมให้คำแนะนำถึงไอเท็มอื่น ๆ ที่แมตช์กับสิ่งที่ลูกค้าจะเลือกซื้อ

อีกวิธีในการนำประสบการณ์ชอปแบบดิจิทัลมาไว้ในร้านค้าจริงคือ “ป้ายดิจิทัล” หรือ Digtal Signage ทำให้เกิดการเติมเต็ม ด้วยลูกเล่นที่ก่อให้เกิดการโต้ตอบกัน เพิ่มการมีส่วนร่วม และทำให้เกิดประสบการณ์ omnichannel ระหว่างร้านค้าออฟไลน์กับร้านค้าออนไลน์แบบไร้รอยต่อ

ตู้ Kiosk แบบอินเทอร์แอ็กทีฟนี้จะรวมเอาสินค้าที่หลากหลาย และขึ้นอยู่กับผู้ผลิตซอฟต์แวร์ของป้ายดิจิทัลว่า จะเล่าเรื่องอย่างไร บ้างอาจจะนำเสนอในรูปแบบหนังสั้นของแบรนด์สินค้า บ้างอาจจโฟกัสไปที่การนำเสนอภาพ 3D หรือจะใช้ทั้งคู่ ก็ขึ้นอยู่กับว่า ลูกค้าจะชอบแบบไหนมากกว่ากัน

นอกจากการนำเสนอภาพสินค้าที่ดีขึ้นแล้ว ในปีหน้า ป้ายดิจิทัล จะช่วยให้ลูกค้าเบราว์สเลือกสินค้าที่ไม่มีอยู่ในร้านจริง สั่งซื้อผ่านโค้ด และสั่งให้ไปส่งถึงบ้านได้ เทรนด์เหล่านี้เมื่อนำมาผสมผสานใช้ด้วยกัน จะสร้างฐานที่แข็งแกร่งสำหรับธุรกิจ ช่วยกระตุ้นยอดขาย และปูทางสู่การสร้างนวัตกรรมของแบรนด์ ตลอดจนการสร้างประสบการณ์ที่น่าพอใจให้แก่ลูกค้าในอนาคต

สรุปเทรนด์ของร้านค้าออนไลน์ 2019 คือ 1.การพัฒนาในเรื่องภาพของสินค้า 2.การใช้ AI ในการวิเคราะห์เชิงลึกและสร้างการมีส่วนร่วม และ 3.การฟื้นฟูปรับเปลี่ยนร้านค้าเดิมเป็นแบบใหม่

หากทำตามนี้จะทำให้ร้านค้าคุณ กระตุ้นยอดขาย และปูทางสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ของแบรนด์ และลูกค้าเชื่อใจ พอใจอยากจะมาแวะร้านค้าเราบ่อยๆขึ้นด้วย

 

ขอขอบคุณ

https://www.etda.or.th/content/top-3-e-commerce-trends-in-2019.html

ที่มา

https://www.ecommercetimes.com/story/Top-3-E-Commerce-Trends-That-Will-Drive-Sales-in-2019-85620.html