Host ที่ดีเป็นอย่างไร วิธีเลือก Host
เว็บโฮสติ้ง คือ พื้นที่การใช้งานในอินเทอร์เน็ต สำหรับเว็บไซต์ทั่วไป โฮสติ้งมีลักษณะที่เปรียบเทียบได้เหมือนกับ ฮาร์ดดิสก์ ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ฉะนั้นถ้าคุณมีพื้นที่การใช้งานโฮสติ้งที่มาก คุณก็จะสามารถเก็บ ไฟล์, รูปภาพ, เอกสาร และอื่นๆ ได้มากตามไปด้วยเช่นกัน บางครั้งเราอาจเรียกได้หลายแบบเช่น โฮสติง โฮสติ้ง เว็บโฮสติ้ง โฮสต์ แต่ทั้งหมดก็มีความหมายเหมือนกัน
Host ก็เปรียบเหมือนชีวิตคู่ หากเลือกไม่ดีก็จะมีผลกระทบต่อเว็บไซต์ของเราเป็นอย่างมากกกกกก เพราะโฮสจะไม่ได้เข้ามาเดี๋ยวเดียว แต่จะใช้ระยะเวลาอย่างต่ำก็ 1 ปี ต่อ 1 สัญญา ดังนั้นการเลือกโฮสหรือใช้บริการโฮสจะต้องเลือกแบบพิถีพิถันหน่อยจะได้ไม่อารมณ์เสียอยู่บ่อย ๆ โดยในบทความนี้ ได้คัดเลือกโฮสที่ผมคิดว่าดีที่สุด มาให้เลือก 2 เจ้า โดยคัดเฉพาะโฮสที่เป็นของคนไทยนี่แหละ ที่มีเจ้าบริการในไทย เพราะเมื่อผู้ใช้มีปัญหาจะได้ติดต่อโฮสได้สะดวก โดยลักษณะที่ดีของโฮสมีดังนี้
1. Host จะต้องไม่ล่มบ่อย อย่ามองว่าโฮสไหนถูกโฮสไหนแพง เพราะถ้าเลือกโฮสถูกโดยเจาะจงที่ราคา นั่นหมายความว่าคุณอาจจะไม่ได้เลือกที่คุณภาพของโฮส
2. Host จะต้องมีระบบป้องกัน Virus และ Spam อันนี้ขอแค่เบื้องต้นก็พอ เพราะในสมัยนี้ผู้ใช้สามารถติดตั้ง Plugin หรือ ติดตั้ง Cloudflare อย่าง SSL เพื่อป้องกันได้หลากหลายมากกว่า แต่ขอให้เลือกโฮสที่มีระบบป้องกันพื้นฐานนิดนึง ไม่ใช่ใช้แปป ๆ โดนเจาะเว็บจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี
3. Host จะต้องมี ระบบสำรองข้อมูล อย่างช้าสุด น่าจะเป็นสัปดาห์ อย่างเร็วก็สำรองข้อมูลกันวันต่อวันเลยทีเดียว
4. Host จะต้องเปิดเว็บได้รวดเร็ว ไม่โหลดข้อมูลนาน
5. Host จะต้องน่าเชื่อถือ คือเปิดบริการมานานแล้วอย่างต่ำ ๆ สัก 5 ปีกำลังดี 10 ปีเลยยิ่งดีใหญ่ ก่อนหน้านั้นก็อาจจะอ่านรีวิวเยอะ ๆ ว่าบริการเป็นอย่างไร โฮสประเภททุ่มโฆษณาไม่อั้นแบบดังระเบิดและโฆษณาราคาถูก อันนั้นอาจจะเป็นโฮสที่คุณภาพไม่ดีก็ได้ ดังนั้นเลือกที่มีรีวิวดีดี และเป็นผู้ให้บริการที่อยู่มานานหน่อย
แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพคเกจที่ผู้ใช้บริการเลือกด้วยเช่นกัน
ขอบคุณที่มา Webhosting
และวิธีดูละ ว่า Webhosting ให้บริการดีอย่างไร
1 ดูค่า Bandwidth (แบนด์วิธ)
ด้วยการดูค่าการวัดความเร็วในการส่งข้อมูลของอินเทอร์เน็ต ซึ่งโดยมากเรามักวัด ความเร็วของการส่งข้อมูลเป็น bps (bit per second) , Mbp (bps*1000000) เช่น Bandwidth ของการใช้สายโทรศัพท์ในประเทศไทย เท่ากับ 14.4 Kbps, Bandwidth ของ สายส่งข้อมูลของ KSC ที่ใช้ในการเชื่อมต่อกับอเมริกาเท่ากับ 2 Mbps เป็นต้น
2. ดูค่า Diskspace
Disk Space คือ พื้นที่ของหน่วยความจำบน server (เซิร์ฟเวอร์) เพื่อไว้สำหรับเก็บไฟล์ทั้งหมดของเว็บไซต์ ไฟล์ของเว็บไซต์จะหมายรวมถึง ไฟล์ html, รูปภาพ, เสียง, วิดีโอ, ไฟล์บันทึกข้อมูลจากแบบฟอร์มออนไลน์ และไฟล์อื่นๆ ที่ต้องการเก็บไว้บนไฟล์เว็บไซต์ และจะรวมไปถึงการเก็บ e-mail อีเมล์ บนโดเมนเนม เพื่อใช้งานสำหรับฐานข้อมูล
3. ดูว่ารองรับกี่โดเมน
แพคเกจที่ลูกค้าเลือกรองรับได้กี่โดเมน
และข้อสุดท้าย ดูว่า โฮสที่คุณจะใช้บริการ แพคเกจที่เลือกรองรับผู้ชม (Visitor) เว็บไซต์เท่าไร
บอกเลยว่า ยิ่งรองรับได้เยอะยิ่งดี และหากคุณขายสินค้าที่มีหลายรายการ ข้อนี้สำคัญ เพราะถ้ารองรับผู้เยี่ยมชมเว็บได้ไม่เยอะ หลักร้อย หรือหลักพัน รับรองเมื่อถึงขีดจำกัด เว็บของคุณจะล่มแน่นอน
แล้วโฮสไหนดีล่ะ ?
ผมคัดเลือกมา 2 โฮสละครับ โดยเน้นว่าเป็นของไทย เพื่อที่ว่าจะได้ดูแลหรือให้บริการคุณได้ทันทีและไม่ติดขัดเรื่องภาษา
เจ้าแรก Hostneverdie.com
มีชื่อเสียงมานาน เว็บไม่ค่อยล่ม ตามชื่อเลยครับ Host neverdie นั่นหมายถึง โฮสที่ไม่มีวันตายนั่นเอง การบริการเร็ว และดี เจ้าหน้าที่คุยง่ายครับ
เจ้าที่สอง Hostatom.com
ถ้าคุณใช้ WordPress ผมก็แนะนำเจ้านี้ เพราะเขาก็มีชื่อเสียงด้านให้บริการ และเว็บเร็วด้วยครับ หากคุณพบปัญหาในวันหยุด ก็ไม่ต้องห่วงเลยครับ ที่นี่ Support แทบจะเรียกได้ว่าไม่ได้หยุดตามคุณครับ
แล้วผมควรจะแนะนำ โฮสไหนดีละ
เนื่องจากการบริการของทั้งสองเจ้าผมพูดได้เลยว่าสุดยอดพอ ๆ กัน ในเรื่องเว็บล่มนั้น ไม่ค่อยได้เจอเลยนะ เรียกได้ว่าคัด 2 ชื่อนี้มาเพื่อคุณเลยครับ แต่ถ้าถามผมว่า แล้วเอาเจ้าไหนดี ผมขอบอกว่า Hostneverdie ก่อนละกันครับ นั่นเป็นเพราะว่าในเมื่อสุดยอดในทุก ๆ ด้านกันทั้งคู่แล้ว ผมขอวัดที่ราคาละกันครับ ดูเหมือนว่า Hostneverdie จะได้เปรียบเรื่องราคาที่ถูกกว่าอยู่นิดหน่อยครับ
อย่างตัวอย่างภาพด้านล่าง 10 GB ก็ 500 กว่าบาทเอง (ลูกค้าสามารถคลิกเข้าไปเลือกแพคเกจดูได้เลย)